ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค
STAD
เรื่องสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสาววิยะดา หวังชนะ
ปีการศึกษา ภาคเรียนที่ 2
ปีการศึกษา 2556
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร สำนักการศึกษา
เทศบาลนครอุบลราชธานี
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป
เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์คือ 1)
เพื่อพัฒนาบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน
80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลของบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค
STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น 3)
เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
2 ที่เรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
4)
เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในวิจัยครั้งนี้
คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 จำนวน 29 คน ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา
2556 โรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคีวิทยาคาร สำนักการศึกษา เทศบาลนครอุบลราชธานี ได้มาโดยการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster
Random Sampling) โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม รูปแบบการวิจัยเป็นรูปแบบการวิจัยแบบ
One
Group Pretest - Posttest Design ระยะเวลาในการทดลอง คือ ภาคเรียนที่
2 ปีการศึกษา 2556 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ
เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค
STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 2)
บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น และเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล
ได้แก่ 1) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นแบบทดสอบชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก
จำนวน 40 ข้อ ที่มีค่าความยากง่ายอยู่ระหว่าง 0.26 - 0.80 และค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง
0.20 - 0.88 และค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับเท่ากับ 0.81 2) แบบวัดความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูป
เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ เป็นชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (Rating
Scale) 5 ระดับ จำนวน 15 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกอยู่ระหว่าง
0.48 – 0.82 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.93 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และทดสอบสมมุติฐานโดยใช้ t-test
(Dependent Samples)
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้น
มีประสิทธิภาพ 84.21/83.10
ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค
STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีค่าดัชนีประสิทธิผลเท่ากับ
0.58
แสดงว่านักเรียนมีความก้าวหน้าในการเรียนร้อยละ 58
3.
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่เรียนด้วย
บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.51, S.D. = 0.61) ด้านที่มีความพึงพอใจมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ด้านที่ 3 บทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ ทำให้เกิดทักษะในการปฏิบัติกิจกรรม อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.83, S.D. = 0.38) รองลงมาคือ ด้านที่ 2 การเรียนด้วยบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
ทำให้นักเรียนเข้าใจมากยิ่งขึ้น อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.76, S.D. = 0.44) รองลงมาคือ ด้านที่ 7
เนื้อหาในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
เป็นไปตามลำดับขั้นตอนจากง่ายไปหายาก อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.72, S.D. = 0.45) และด้านที่มีความพึงพอใจน้อยที่สุดคือ
ด้านที่ 10 ผู้เรียนสามารถทำงานในบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค
STAD เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ อย่างมีอิสระ เหมาะสมกับเวลา
อยู่ในระดับมาก ( = 4.38, S.D. = 0.82)
สรุปผลการวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าบทเรียนสำเร็จรูปโดยใช้เทคนิค
STAD
เรื่องการสร้างเว็บสวยอย่างมืออาชีพ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เป็นสื่อในการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาการจัดการเรียนรู้โดยเน้นนักเรียนเป็นสำคัญและเป็นประโยชน์กับนักเรียน
นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง
ทำให้การจัดการเรียนรู้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียน
ดังนั้นควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ครูสาระการเรียนรู้อื่น ๆ หรือระดับชั้นอื่น ๆ นำบทเรียนสำเร็จรูป
ไปเป็นนวัตกรรมในการจัดการเรียนรู้
เพื่อพัฒนาความรู้ ทักษะ เจตคติ
และสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ตามเจตนารมณ์ของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช 2551 ต่อไป
|